วอชิงตัน, 28 มกราคม 2025 – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เริ่มดำเนินการปราบปรามการอพยพของผู้คนจากต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยคาดว่าจะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีหลายฉบับที่มีเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการตรวจสอบและควบคุมการอพยพ พร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพของสหรัฐฯ ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การปราบปรามการอพยพในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินนโยบายที่ทรัมป์เคยประกาศในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งในปี 2024 ที่ผ่านมาซึ่งมุ่งเน้นการควบคุมการไหลเข้าของผู้คนจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งในแง่ของความมั่นคงและเศรษฐกิจ รวมถึงการตรวจสอบผู้ขอลี้ภัยและผู้ที่อาจเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากแหล่งข่าวในทำเนียบขาว คำสั่งเหล่านี้จะรวมถึงการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและการเสริมสร้างระบบคัดกรองที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
หนึ่งในมาตรการสำคัญที่คาดว่าจะมีผลกระทบโดยตรงคือการจำกัดจำนวนผู้ขอลี้ภัยจากบางประเทศที่มีการก่อการร้ายหรือความไม่มั่นคงทางการเมืองสูง โดยรัฐบาลทรัมป์จะพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการให้การคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับความกังวลด้านความมั่นคง นอกจากนี้ยังมีการตั้งมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารการเดินทางและการเพิ่มการควบคุมในเขตชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย
การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างกองทัพ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังคาดว่าจะลงนามในคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างกองทัพสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นการเสริมความสามารถในด้านการป้องกันภัยคุกคามจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งรวมถึงการเสริมสร้างหน่วยปฏิบัติการพิเศษและการจัดตั้งกองกำลังที่พร้อมเฝ้าระวังภัยคุกคามจากกลุ่มต่างประเทศและกลุ่มภายในที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
การปรับโครงสร้างนี้ยังมีการเน้นให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสามารถในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูล การสื่อสาร และเทคโนโลยีที่อาจถูกโจมตีจากการก่อการร้ายไซเบอร์ รวมถึงการเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และการตรวจสอบความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางทหารจากประเทศที่มีอำนาจทางการทหารสูง เช่น จีนและรัสเซีย
ทั้งนี้ การดำเนินการในด้านการปรับโครงสร้างกองทัพจะส่งผลต่อการจัดสรรงบประมาณทางการทหารในปีหน้า โดยคาดว่าทรัมป์จะเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีทหารสมัยใหม่ เช่น ระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์ และการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและการทำสงครามทางไซเบอร์ ซึ่งจะทำให้กองทัพของสหรัฐฯ มีความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและทันสมัยมากขึ้น
การตอบรับจากภาคประชาชนและนักการเมือง
การตัดสินใจในครั้งนี้ของทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและกลุ่มที่สนับสนุนการเปิดโอกาสให้ผู้ขอลี้ภัยจากประเทศที่มีวิกฤตได้เข้ามาหลบภัยในสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าเป็นการกระทำที่เข้มงวดเกินไปและอาจขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์มองว่าเป็นการตอบสนองต่อความจำเป็นในการปกป้องความมั่นคงของชาติ
“การควบคุมการอพยพเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อความมั่นคงของประเทศ และการปรับโครงสร้างกองทัพจะทำให้สหรัฐฯ พร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น” นายไมเคิล บล็อก นักยุทธศาสตร์การลงทุนจาก Third Seven Capital กล่าว “เราต้องยอมรับว่าโลกในปัจจุบันมีความไม่แน่นอน และความสามารถในการป้องกันตนเองของประเทศถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ในขณะที่มาตรการเหล่านี้กำลังได้รับการพิจารณา คาดว่าทรัมป์จะจัดการแถลงข่าวในสัปดาห์หน้าเพื่อประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนี้ และจะชี้แจงถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างการปกป้องความมั่นคงของประเทศและการรักษาความเป็นมนุษย์ในกระบวนการรับมือกับการอพยพ
มุมมองในอนาคต
การปราบปรามการอพยพและการปรับโครงสร้างกองทัพในครั้งนี้จะส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการจัดการกับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่อาจได้รับผลกระทบจากการควบคุมการเข้าถึงแรงงานที่มีทักษะจากต่างชาติ ในขณะที่การเพิ่มงบประมาณให้กับกองทัพอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการจัดสรรทรัพยากรทางการทหารและการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในระดับโลก
การดำเนินการดังกล่าวจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากทั้งภาคการเมืองและสาธารณชนในสหรัฐฯ รวมถึงจากประชาคมระหว่างประเทศที่มีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ ในยุคที่ทรัมป์กลับมามีบทบาทในการบริหารประเทศอีกครั้ง.
Trump immigration crackdown underway as he’s expected to sign orders to reshape military
Washington, January 28, 2025 – President Donald Trump has officially begun implementing his crackdown on immigration, with plans to sign a series of executive orders aimed at tightening control over the influx of people from foreign countries. At the same time, he is preparing to restructure the U.S. military to better address global uncertainties and ensure national security in an evolving international landscape.
This immigration crackdown is part of the broader policy agenda that Trump emphasized during his 2024 campaign, focusing on controlling immigration from countries with high security risks and economic instability, as well as strengthening the vetting process for asylum seekers and undocumented immigrants. According to sources in the White House, these new measures will include expanding the number of immigration officers and enhancing the screening system to make it more rigorous.
One of the key measures expected to have a direct impact is limiting the number of asylum seekers from countries facing terrorism or political instability. The Trump administration will be reviewing ways to adjust asylum protections in line with national security concerns, and tightening regulations on immigration documents and border security, especially along the U.S.-Mexico border, to prevent illegal crossings.
Military Restructuring to Address Emerging Threats
In addition to immigration measures, Trump is also preparing to sign orders related to the restructuring of the U.S. military, with a focus on enhancing its capability to respond to internal and external threats. The restructuring is expected to involve strengthening special operations forces and creating new units focused on monitoring and addressing potential threats from foreign adversaries and internal security risks.
This military overhaul will also place a significant emphasis on safeguarding critical national infrastructure, including data centers, communication networks, and technological systems that could be targeted in cyberattacks. It is expected to include increased investment in nuclear defense systems and the development of countermeasures against military threats from powerful nations like China and Russia.
These changes are likely to result in a reallocation of defense spending for the upcoming fiscal year, with a focus on modernizing the military’s capabilities in areas such as cybersecurity, artificial intelligence (AI), and advanced weapons systems. This will ensure that the U.S. military remains equipped to address the complex and evolving threats it faces in a fast-changing world.
Reaction from the Public and Politicians
Trump’s actions have drawn criticism from various quarters, particularly from human rights groups and those advocating for greater protection for asylum seekers from conflict-ridden countries. Critics argue that the measures are overly harsh and could violate international human rights principles. However, Trump’s supporters maintain that these actions are essential to protect the U.S. from security threats and ensure the safety of American citizens.
“Immigration control is essential for national security, and restructuring the military will make the U.S. more prepared to address emerging threats,” said Michael Block, a market strategist at Third Seven Capital. “We must acknowledge that in today’s world, national defense is the most important priority.”
As these executive actions are under consideration, Trump is expected to hold a press conference next week to further explain the details of these policies and to clarify how his administration plans to balance national security concerns with humanitarian considerations in the immigration process.
Looking Ahead
These immigration measures and military restructuring are set to impact U.S. foreign policy and international relations, as well as the U.S. economy in the coming years. The tech industry, in particular, could be affected by restrictions on the flow of skilled labor from foreign countries. Meanwhile, the increased defense spending is expected to drive changes in military resource allocation and the development of advanced technologies capable of protecting U.S. interests globally.
These moves will be closely monitored both domestically and internationally, as they may significantly alter the course of U.S. policy, especially in terms of defense, immigration, and foreign diplomacy. The international community is especially concerned about the direction of U.S. foreign policy under Trump’s leadership, as his return to office brings a shift in both domestic and global strategies.
By Kreetathip Tieangnuam