ทรัมป์เตรียมเดินหน้านโยบาย 7 ข้อหลังกลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมตั้งเป้าจัดการปัญหาผู้อพยพ เศรษฐกิจ และยุติสงครามในยูเครน

โดนัลด์ ทรัมป์เตรียมกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยเขาได้ให้คำมั่นในการดำเนินการกับประเด็นต่าง ๆ เช่น การจัดการปัญหาผู้อพยพ เศรษฐกิจ และสงครามในยูเครน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนทางการเมืองอย่างมากจากสภาคองเกรส หลังจากพรรครีพับลิกันสามารถควบคุมวุฒิสภาได้อีกครั้ง

ในสุนทรพจน์หลังประกาศชัยชนะ ทรัมป์ได้กล่าวว่าเขาจะ “บริหารประเทศโดยมีคติประจำใจว่า สัญญาไว้แล้วต้องทำ เราจะรักษาสัญญาของเรา” แต่ในบางประเด็น เขายังไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่จะใช้บรรลุเป้าหมาย

เมื่อปี 2023 เขาเคยถูกถามทาง Fox News ว่าจะใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือตอบโต้ศัตรูทางการเมืองหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่าจะไม่ทำ “ยกเว้นในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง” และนี่คือ 7 นโยบายจากทรัมป์ที่พร้อมดำเนินการทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง

1. เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย

ในระหว่างการหาเสียง ทรัมป์สัญญาว่าจะดำเนินการเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และจะสร้างกำแพงพรมแดนเม็กซิโกที่เริ่มสร้างในสมัยประธานาธิบดีครั้งแรกของเขา ระดับการข้ามพรมแดนด้านใต้ของสหรัฐฯ ถึงระดับสูงสุดเมื่อสิ้นปีที่แล้วในสมัยรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ก่อนที่จะลดลงในปี 2024 ผู้เชี่ยวชาญบอกกับ BBC ว่าการเนรเทศในระดับที่ทรัมป์สัญญาจะเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายและการจัดการอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง

2. ปฏิรูปนโยบายด้านเศรษฐกิจ ภาษี และภาษีศุลกากร

ข้อมูลการเลือกตั้งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทรัมป์สัญญาว่าจะ “ยุติสภาวะเงินเฟ้อ” ที่เพิ่มสูงขึ้นในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก่อนที่จะลดลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม อำนาจของประธานาธิบดีในการควบคุมราคายังมีข้อจำกัดอยู่มาก ทรัมป์ยังได้ให้คำมั่นที่จะลดภาษีครั้งใหญ่ โดยเสนอให้ยกเลิกภาษีจากทิป ยกเลิกภาษีเงินได้จากประกันสังคม และลดภาษีนิติบุคคล ทรัมป์ยังเสนอภาษีศุลกากรใหม่อย่างน้อย 10% สำหรับสินค้าต่างประเทศเกือบทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้า และกล่าวว่านำเข้าสินค้าจากจีนจะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 60% นักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่านโยบายดังกล่าวอาจทำให้ราคาสินค้าทั่วไปสูงขึ้น

3. ยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

ในช่วงสมัยที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ทรัมป์ได้ลดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลายร้อยข้อ และทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสในด้านสภาพภูมิอากาศ ครั้งนี้เขาได้สัญญาอีกครั้งว่าจะลดกฎระเบียบ โดยเฉพาะเพื่อช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกา เขาวิพากษ์วิจารณ์รถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและสัญญาว่าจะล้มล้างเป้าหมายของไบเดนในการส่งเสริมรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เขาตั้งเป้าจะเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลของสหรัฐฯ ด้วยการขุดเจาะเป็นหลักในวันแรกแทนที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนเช่นพลังงานลม และต้องการเปิดพื้นที่ในเขตอาร์กติกให้ขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเขาเชื่อว่าจะช่วยลดต้นทุนพลังงาน แต่ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังขา

4. ยุติสงครามยูเครน

ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์งบประมาณหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯ ใช้ในการสนับสนุนยูเครนในสงครามกับรัสเซีย และสัญญาว่าจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมงด้วยการเจรจา โดยไม่ได้ระบุเงื่อนไขการเจรจาว่าฝ่ายใดควรเสียสละสิ่งใด พรรคเดโมแครตเห็นว่าแนวทางนี้อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้เปรียบในสงครามที่ยาวนานครั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่าต้องการให้สหรัฐฯ ลดบทบาทในความขัดแย้งระหว่างประเทศ สำหรับสงครามในกาซา ทรัมป์แสดงจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลอย่างชัดเจน แต่ก็ได้เรียกร้องให้พันธมิตรของสหรัฐฯ หยุดการปฏิบัติการในพื้นที่ และเขายังสัญญาที่จะยุติความรุนแรงในเลบานอนที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

5. ไม่ลงนามกฎหมายทำแท้งทั่วประเทศ

ทรัมป์กล่าวในระหว่างการดีเบตกับ กมลา แฮร์ริส ว่าเขาจะไม่ลงนามในกฎหมายที่ห้ามการทำแท้งทั่วประเทศ แม้ว่าผู้สนับสนุนบางคนจะต้องการกฎหมายฉบับนี้ก็ตาม เมื่อปี 2022 ศาลสูงสุดที่มีผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมส่วนใหญ่ในสมัยทรัมป์ได้ยกเลิกสิทธิการทำแท้งทั่วประเทศ สิทธิสตรีในการทำแท้งกลายเป็นประเด็นหลักของการรณรงค์ของแฮร์ริส และหลายรัฐได้อนุมัติมาตรการปกป้องหรือขยายสิทธิการทำแท้งในวันเลือกตั้ง ทรัมป์เองระบุอยู่บ่อยครั้งว่ารัฐควรมีสิทธิในการตัดสินกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้ง แต่ยังไม่สามารถหาข้อความที่สอดคล้องกันได้ในประเด็นนี้

6. นิรโทษกรรมผู้ก่อจลาจลเมื่อวันที่ 6 ม.ค.

ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะ “ปล่อยตัว” ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในเหตุการณ์จลาจลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนของเขาบุกอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางการประกาศชัยชนะของโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 เหตุการณ์นั้นถูกกล่าวหาว่าทรัมป์เป็นผู้กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตหลายคน ทรัมป์พยายามบิดเบือนความรุนแรงของเหตุการณ์นี้และเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้สนับสนุนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดนั้นถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม เขายังคงกล่าวว่าหลายคนถูกจำคุกอย่างไม่ยุติธรรม แม้เขาจะยอมรับว่าบางคน “อาจจะคุมตัวเองไม่อยู่”

7. ปลดที่ปรึกษาพิเศษ “แจ็ค สมิธ”

ทรัมป์สัญญาว่าจะปลด แจ็ค สมิธ อัยการที่ดำเนินการสอบสวนสองคดีอาชญากรรมของเขาทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง เนื่องจากสมิธได้ตั้งข้อกล่าวหากับทรัมป์เกี่ยวกับความพยายามในการล้มผลการเลือกตั้งปี 2020 และการจัดการเอกสารลับอย่างไม่ถูกต้อง ทรัมป์ปฏิเสธการกระทำผิดและได้ชะลอคดีไม่ให้ถึงศาลก่อนการเลือกตั้ง เขากล่าวว่าสมิธมีเป้าหมายทางการเมืองในการฟ้องร้องเขา ซึ่งทำให้ทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีคนแรกที่มีประวัติอาชญากรรม โดยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารธุรกิจในนิวยอร์ก

Seven things Trump says he will do as president

Donald Trump is set to return to the White House, having promised action on issues including immigration, the economy and the war in Ukraine.

He looks likely to enjoy plenty of support for his political agenda in Congress after his Republican Party regained control of the Senate.

In his victory speech, Trump vowed he would “govern by a simple motto: Promises made, promises kept. We’re going to keep our promises.”

But in some cases, he has given little detail of how he might achieve his aims.

Asked in 2023 by Fox News whether he would abuse his power or target political opponents, he replied he would not, “except for day one”.

“No, no, no, other than day one. We’re closing the border, and we’re drilling, drilling, drilling. After that, I’m not a dictator.”

1) Deport undocumented migrants

While campaigning, Trump promised the biggest mass deportations of undocumented migrants in US history.

He also pledged to complete the building of a wall at the border with Mexico that was started during his first presidency.

The number of crossings at the US southern border hit record levels at the end of last year during the Biden-Harris administration, before falling in 2024.

Experts have told the BBC that deportations on the scale promised by Trump would face huge legal and logistical challenges – and could slow economic growth.

2) Moves on economy, tax and tariffs

Exit poll data has suggested the economy was a key issue for voters. Trump has promised to “end inflation” – which rose to high levels under President Joe Biden before falling again. But a president’s power to directly influence prices is limited.

He has also promised sweeping tax cuts, extending his overhaul from 2017. He has proposed making tips tax-free, abolishing tax on social security payments and shaving corporation tax.

He has proposed new tariffs of at least 10% on most foreign goods, to cut the trade deficit. Imports from China could bear an additional 60% tariff, he has said. Some economists have warned that such moves could push up prices for ordinary people.

3) Cut climate regulations

During his first presidency, Trump rolled back hundreds of environmental protections and made America the first nation to withdraw from the Paris climate agreement.

This time, he has again vowed to cut regulations, particularly as a way to help the American car industry. He has constantly attacked electric vehicles, promising to overturn Biden’s targets encouraging the switch to cleaner cars.

He has pledged to increase production of US fossil fuels – vowing to “drill, drill, drill” on day one in favour of renewable energy sources such as wind power.

He wants to open areas such as the Arctic wilderness to oil drilling, which he argues would lower energy costs – though analysts are sceptical.

4) End Ukraine war

Trump has criticised the tens of billions of dollars spent by the US on supporting Ukraine in its war with Russia – and has pledged to end the conflict “within 24 hours” through a negotiated deal.

He has not said what he thinks either side should give up. Democrats say the move would embolden President Vladimir Putin.

Trump wants the US to disentangle itself from foreign conflicts generally. Regarding the war in Gaza – Trump has positioned himself as a staunch supporter of Israel, but has urged the American ally to end its operation.

He has also pledged to end the related violence in Lebanon, but gave no detail on how.

5) No abortion ban

Against the wishes of some of his supporters, Trump said during the presidential debate with Kamala Harris that he would not sign into law a national abortion ban.

In 2022, the nationwide constitutional right to abortion was overturned by the Supreme Court, which had a majority of conservative judges following Trump’s first presidency.

Reproductive rights became a key campaigning topic for Harris, and several states approved measures to protect or expand abortion rights on polling day.

Trump himself has regularly said states should be free to decide their own laws on abortion, but struggled to find a consistent message of his own.

6) Pardon some Jan 6 rioters

Trump has said he will “free” some of those convicted of offences during the riot in Washington DC on 6 January 2021, when his supporters stormed the Capitol building in an effort to thwart the 2020 election victory of Joe Biden.

Several deaths were blamed on the violence, which Trump was accused of inciting.

He has worked to downplay the riot’s significance and recast the hundreds of supporters who were convicted as political prisoners.

He continues to say many of them are “wrongfully imprisoned”, though has acknowledged that “a couple of them, probably they got out of control”.

7) Sack Special Counsel Jack Smith

Trump has vowed to sack “within two seconds” of taking office the veteran prosecutor leading two criminal investigations against him.

Special Counsel Jack Smith has indicted Trump over alleged efforts to overturn the 2020 election, and over his alleged mishandling of classified documents.

Trump denies any wrongdoing, and managed to prevent either case coming to trial before the election. He says Mr Smith has subjected him to a “political witch hunt”.

Trump will return to the White House as the first ever president with a criminal conviction, having been found guilty in New York of falsifying business records.

By James FitzGerald, BBC News