#thethailandersnews
ได้ยินไม่ชัดและจมูกไม่ค่อยได้กลิ่น ล้วนเป็นสัญญาณเสี่ยงโรคสมองเสื่อม โดยเฉพาะอัลไซเมอร์ งานวิจัยชี้ว่าหูตึงเพิ่มความเสี่ยงเกือบ 2 เท่า ขณะที่การสูญเสียการรับกลิ่นต่างเร่งโอกาสเกิดโรคนี้ น่าสนใจคือผู้ป่วย 2 ใน 5 รายสามารถป้องกันได้ หากลดปัจจัยเสี่ยงและใส่ใจการฟื้นฟูสมองที่สำคัญที่สุดของชีวิต
ข้อมูลจากการศึกษาทั่วโลกชี้ว่า ภาวะหูตึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดที่สามารถป้องกันได้ โดยผู้ที่มีปัญหาการได้ยินมีโอกาสสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า แต่หากตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ความเสี่ยงนี้สามารถหายไปได้ องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้ผู้มีอายุเกิน 50 ปีตรวจการได้ยินอย่างน้อยปีละครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังลังเลที่จะเข้ารับการรักษาเพราะกลัวสังคมมอง หรือกังวลค่าใช้จ่าย ทั้งที่เครื่องช่วยฟังสามารถเบิกได้ทุกสิทธิ์การรักษาโดยไม่เสียเงินเพิ่ม
ด้านการรับกลิ่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า การสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคสมองเสื่อม และอาจเกิดขึ้นก่อนที่สมองจะแสดงอาการผิดปกติ การฝึกดมกลิ่นมาตรฐาน 4 ชนิด ได้แก่ กุหลาบ มะนาว กานพลู และยูคาลิปตัส วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน ช่วยกระตุ้นประสาทและฟื้นฟูสมองได้จริง
ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้นกว่า 4.6 ล้านคนต่อปี หรือคิดเป็นผู้ป่วยรายใหม่ทุก 7 วินาที สำหรับประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ คาดว่ามีผู้ป่วยสมองเสื่อมแล้วราว 900,000 คน ตัวเลขนี้ตอกย้ำความจำเป็นในการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี แม้โรคยังไม่อาจหายขาด แต่การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถช่วยชะลออาการ เพิ่มคุณภาพชีวิต และลดผลกระทบต่อผู้ป่วยและครอบครัวได้ การใส่ใจสัญญาณเล็ก ๆ อย่างการได้ยิน การได้กลิ่น และคุณภาพการนอนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันและจัดการโรคสมองเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Hearing loss, loss of smell, and poor sleep are early warning signs of dementia, especially Alzheimer’s. Research shows hearing problems nearly double the risk, but early detection and treatment can help. With 900,000 dementia cases in Thailand and millions worldwide, timely care and attention to these signals can slow progression and improve quality of life.
#deafness #smell #Alzheimer #Dementia #Health
ที่มา : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์