ลอสแอนเจลิส เมืองใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯ กำลังเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องนโยบายผู้อพยพ หลังจากที่สภาเมืองได้ผ่านข้อบัญญัติ “เมืองหลบภัย” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ข้อบัญญัติดังกล่าวห้ามไม่ให้ใช้ทรัพยากรของเมืองสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง โดยมุ่งเน้นการยกระดับคำสั่งผู้บริหารที่ออกในปี 2019 ให้กลายเป็นกฎหมายของเมือง ตามรายงานของ NBC News Los Angeles
นอกจากนี้ ระบบโรงเรียนของลอสแอนเจลิสยังลงมติยืนยันสถานะเป็น “พื้นที่หลบภัย” สำหรับผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารและนักเรียน LGBTQ โดยมติฉุกเฉินที่ออกมาได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาการศึกษา ซึ่งมองว่านโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนเหล่านี้
โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในอีกสองเดือน ได้ประกาศว่าจะเริ่มแผนการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ โดยเลือกทิม โฮแมน อดีตผู้อำนวยการรักษาการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ให้ดำรงตำแหน่ง “ซาร์ชายแดน” ซึ่งโฮแมนได้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อเมืองที่ประกาศตัวเป็น “เมืองหลบภัย” โดยกล่าวว่า “ICE ควรออกไปให้พ้นทาง” เพื่อไม่ให้ขัดขวางการบังคับใช้นโยบายของรัฐบาล
คำว่า “เมืองหลบภัย” ถูกใช้ในสหรัฐฯ มานานกว่าทศวรรษ เพื่ออธิบายสถานที่ที่จำกัดการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง อย่างไรก็ตาม คำนี้ไม่ได้มีความหมายทางกฎหมายที่ชัดเจน เมืองต่างๆ จึงมีวิธีการที่หลากหลายในการดำเนินนโยบาย เช่น การกำหนดในกฎหมายหรือการเปลี่ยนแปลงแนวทางการปฏิบัติของตำรวจในพื้นที่
สำหรับลอสแอนเจลิส ข้อบัญญัติ “เมืองหลบภัย” นี้ยังห้ามการแบ่งปันข้อมูลบางประเภทระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานในท้องถิ่น โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อได้รับลายเซ็นจากนายกเทศมนตรีคาเรน แบส
เขตการศึกษาลอสแอนเจลิส ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนทางใต้กับเม็กซิโกประมาณ 225 กิโลเมตร ก็ได้ลงมติชุดของมติฉุกเฉินเพื่อตอบโต้ความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพและ LGBTQ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่
มติดังกล่าวนอกจากจะยืนยันนโยบายพื้นที่หลบภัยสำหรับนักเรียนและครอบครัวในเขตการศึกษาแล้ว ยังเรียกร้องให้มีการฝึกอบรมครูและเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
แจ็คกี้ โกลด์เบิร์ก ประธานคณะกรรมการการศึกษา กล่าวไว้ว่า “เราจะไม่ยอมวิ่งหนีด้วยความกลัว เราจะต่อสู้ทุกย่างก้าว” ตามรายงานของ LA Times
การประกาศตัวเป็นเมืองหลบภัยของลอสแอนเจลิสอาจทำให้เมืองต้องเผชิญหน้ากับรัฐบาลของทรัมป์ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการเริ่มแผนเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้นการดำรงตำแหน่ง
ทิม โฮแมน ยังกล่าวในรายการ Fox เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ว่า “ไม่มีอะไรจะหยุดเราไม่ให้เนรเทศอาชญากรผู้อพยพ” พร้อมย้ำว่า “เราจะทำหน้าที่ของเราไม่ว่าคุณจะร่วมมือหรือไม่ก็ตาม”
Los Angeles declares itself an immigration ‘sanctuary’
Los Angeles, the second largest US city, is setting itself up for a standoff with President-elect Donald Trump over immigration.
On Tuesday, its city council passed a “sanctuary city” ordinance to bar using local resources to help federal immigration authorities.
LA’s public school system also reaffirmed itself as a “sanctuary” for undocumented immigrants and LGBTQ students in a series of emergency resolutions.
Trump, who will be sworn in in two months, has promised mass deportations once he returns to the White House. His chosen “border czar”, Tim Homan, has urged sanctuary cities to “get the hell out of the way” of federal immigration crackdowns.
The term “sanctuary city” has been popular in the US for more than a decade to describe places that limit their assistance to federal immigration authorities. Since it is not a legal term, cities have taken a variety of approaches to becoming “sanctuaries”, such as setting policies in laws or simply changing local policing practices.
Aimed at making a 2019 executive order into city law, the city council’s sanctuary city ordinance prohibits using city resources for immigration enforcement, including cooperating with federal immigration agents, NBC News Los Angeles reports.
The ordinance will “prevent federal immigration enforcement from being able to access city facilities or to use city resources in the pursuit of immigration enforcement”, council member Nithya Raman told CBS News, the BBC’s US partner, ahead of the vote.
It will also prohibit some data sharing between immigration authorities and city officials and agencies.
The ordinance will go into effect once it has been signed by Mayor Karen Bass.
Officials in a number of other cities, including Boston and New York City, have similarly promised that local resources would not be allocated to helping federal immigration enforcement issues.
Since Trump was elected the first time, dozens of school districts have declared themselves “sanctuaries” or “safe havens” to reassure students they will not be deported.
The Los Angeles school district – roughly 140 miles (225km) from the country’s southern border with Mexico – also voted on a series of emergency resolutions explicitly aimed at combatting what the board’s president, Jackie Goldberg, has described as an anti-immigrant and LGBTQ sentiment from the incoming president.
As well as restating a sanctuary policy for students and families within the school district, the resolution also calls for training for teachers and staff about how they should communicate with immigration authorities.
“We’re not going to be running in fear,” she said in quotes cited by the LA Times ahead of the resolution’s passing. “We’re going to fight you, every inch of the way.”
The move is likely to put the city on a collision course with the incoming Trump administration, which has vowed it will begin a large-scale mass deportation effort from the very beginning of the administration.
Trump’s chosen “border czar”, former acting Immigrations and Customs Enforcement director Tom Homan, has repeatedly said that “sanctuary” city designations would not prevent the administration from carrying out its immigration policy goals.
In an 11 November interview with Fox, Homan said “nothing will stop us from deporting migrant criminals.”
“We’re going to do the job with you, or without you,” he said.
By Bernd Debusmann Jr, BBC News