โมนาโกเพิ่มพื้นที่ 3% ด้วยโครงการ “เขตเศรษฐกิจสีเขียว” มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์

โมนาโก ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามสวรรค์ทางภาษีและแหล่งรวมคนร่ำรวย มีประชากรราว 39,000 คน โดย 7 ใน 10 เป็นเศรษฐี ตามข้อมูลของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Knight Frank แต่ด้วยพื้นที่เล็กกว่าสวนเซ็นทรัลพาร์คในนิวยอร์ก การเพิ่มขนาดของประเทศได้เพียง 3% จึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง

โครงการพัฒนา “Mareterra” หรือ “เขตเศรษฐกิจสีเขียว” แห่งใหม่ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพิ่มพื้นที่ของโมนาโกเกือบ 15 เอเคอร์ โดยโครงการมูลค่า 2 พันล้านยูโร (2.1 พันล้านดอลลาร์) นี้มีท่าเรือ พื้นที่เดินเล่นริมทะเล และที่อยู่อาศัยสุดหรู เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

โครงการถมทะเลขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาเกือบทศวรรษ

โครงการ Mareterra เริ่มขึ้นในปี 2013 โดยใช้วิธีสร้างห้องคอนกรีตขนาดใหญ่ (caissons) ในทะเล จากนั้นระบายน้ำออกและเติมทรายกว่า 750,000 เมตริกตันเพื่อสร้างพื้นที่ใหม่

ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่ที่สร้างขึ้นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ เส้นทางปั่นจักรยาน ท่าเรือ และพื้นที่ช้อปปิ้ง พร้อมด้วยต้นไม้กว่า 1,000 ต้นที่นำเข้าจากแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี

ส่วนที่อยู่อาศัยใหม่รวมถึงอพาร์ตเมนต์กว่า 100 ยูนิต และวิลล่าหรู 10 หลัง โดยมีสถาปนิกชื่อดัง เช่น นอร์มัน ฟอสเตอร์ และทาดาโอะ อันโดะ ร่วมออกแบบโครงสร้างในเขตนี้ นอกจากนี้สถาปนิกชาวอิตาลี เรนโซ เปียโน ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการออกแบบศูนย์ปงปิดู ได้อนุญาตให้ใช้ชื่อของเขาเป็นหนึ่งในอาคารที่พักอาศัย โดยตั้งชื่อว่า “Le Renzo”

มูลค่าที่ดินและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

ราคาที่อยู่อาศัยในเขตนี้ยังไม่ได้เปิดเผย แต่ Knight Frank ประเมินว่ามีมูลค่าสูงถึง 100,000 ยูโรต่อตารางเมตร (หรือกว่า 9,750 ดอลลาร์ต่อตารางฟุต) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโมนาโกเกือบสองเท่า โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากภาคเอกชน แต่รัฐบาลโมนาโกจะได้รับภาษี 20% จากการขายทรัพย์สินทั้งหมด นอกจากนี้ ศูนย์การประชุม Grimaldi Forum ของโมนาโก ยังได้รับการขยายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ

การถมทะเลกับประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม

ที่ดินในโมนาโกหายากมาก และการถมทะเลเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ช่วยขยายพื้นที่ โดยปัจจุบัน พื้นที่ที่ถมจากทะเลคิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสี่ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ

ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 โครงการขยายเขต Larvotto และ Fontvieille เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสร้างพื้นที่ใหม่ แต่กลับถูกวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กังวลเรื่องผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล

สำหรับโครงการ Mareterra ผู้พัฒนาอ้างว่ามีมาตรการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลและสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่สำหรับปลา รวมถึงการปลูกหญ้าทะเลเทียม

พลังงานในเขตนี้ 80% จะมาจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1.2 เอเคอร์ ซึ่งสะท้อนความพยายามของเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 ในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของมหาสมุทร

Built into the sea, this $2 billion luxury ‘eco-district’ has increased Monaco’s size by 3%

Known as a tax haven and playground for the rich, Monaco packs a population of around 39,000 — of whom almost seven in 10 are millionaires, according to property firm Knight Frank — into an area smaller than New York’s Central Park.

But the world’s second-smallest sovereign state has just grown by 3%.

New “eco-district” Mareterra, which has been built into the Mediterranean Sea, expands the microstate’s land mass by almost 15 acres. Inaugurated by Monaco’s Prince Albert II on Wednesday, the €2 billion ($2.1 billion) luxury development features a marina, seaside promenade and swathes of new high-end housing.

Announced in 2013, the extensive land reclamation project saw concrete chambers, or caissons, built in the sea before being drained of water and filled with 750,000 metric tons of sand.

Around half of the artificial landmass will be publicly accessible, with amenities including a park, cycle paths, a marina and shopping facilities. The district’s various green spaces have been planted with 1,000 trees imported from Tuscany, Italy.

New private residences on the site include more than 100 apartments and 10 palatial villas. Several high-profile architects, including Norman Foster and Tadao Ando, were commissioned to create structures in Mareterra. Italian architect Renzo Piano, best known for co-designing the Centre Pompidou, lent his name to the residential development building his firm designed on the site, Le Renzo.

While housing prices have not been disclosed, Knight Frank estimates that properties in the district will fetch around 100,000 euros per square meter (or more than $9,750 per square foot, almost twice Monaco’s average).

The development was privately funded, though Monaco’s government will benefit from a 20% tax on all property sales. The city state’s conference center, the Grimaldi Forum, was also expanded as part of the project.

Land is notoriously scarce in Monaco, which has a long history of building into the sea. Reclaimed land now accounts for more than a quarter of the principality’s territory. The most significant reclamation projects took place in the 1960s and 1970s, when the Larvotto and Fontvieille districts were expanded into the Mediterranean.

Earlier land reclamation efforts attracted the ire of environmentalists worried about the impact on Monaco’s marine life, which today includes 60 species of coral.

A more recent proposal was abandoned in 2009 due, in part, to ecological concerns raised by Prince Albert II, who is renowned for his work protecting ocean biodiversity.

Land reclamation in Monaco is now tightly regulated, and Mareterra’s developers said they took various steps to “minimize the impact on the natural ecosystem as much as possible.” The project’s website says planners consulted marine experts and created new habitats for fish, including artificial seagrass beds.

Developers also claim that 80% of heating and cooling in the district will run on renewable energy, including the power generated by more than 1.2 acres of solar panels.

By Oscar Holland, CNN