‘Dune: Prophecy’ เตรียมพาผู้ชมผจญภัยท่องไกลกว่าดาวอาร์ราคิส

จักรวาล “Dune” ที่กว้างขวางอยู่แล้วกำลังจะขยายตัวมากขึ้นไปอีก

ในซีรีส์พรีเควล 6 ตอนของ Max เรื่อง “Dune: Prophecy” ที่ออกอากาศตอนแรกในวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เรื่องราวจะก้าวออกไปไกลเกินกว่าทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยสไปซ์บนดาวอาร์ราคิส ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตัวละคร พอล อะเทรดีส รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ เดินทางในภาพยนตร์ “Dune” ที่กำกับโดย เดอนี วีลเนิฟว์

“Prophecy” ดำเนินเรื่องใน “สิ่งแวดล้อมและช่วงเวลาที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง” อลิสัน ชัปเกอร์ ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์กล่าวกับ CNN พร้อมเสริมว่าซีรีส์นี้ขยายจักรวาล “Dune” ในแบบที่ยังคงความสอดคล้องกับต้นฉบับของแฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต และภาพยนตร์ที่มีมาก่อนหน้านี้

“Dune เป็นจักรวาลที่ผู้คนผูกพัน” ชัปเกอร์กล่าว เธอเคยมีประสบการณ์สร้างสรรค์ซีรีส์ดังอย่าง “Westworld” “Lost” และ “Alias” “มันเป็นโลกที่มีความสำคัญต่อผู้คน และฉันคิดว่าเราต้องการให้เกียรติสิ่งนั้น”

ทีมงานของชัปเกอร์มี “อิสระอย่างเต็มที่” ในการออกแบบดวงดาวและสถานที่ใหม่ ๆ แต่พวกเขาตั้งใจทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานความงดงามที่ภาพยนตร์ชุดของวีลเนิฟว์ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ซีรีส์นี้ “สามารถดำรงอยู่ในจักรวาลเดียวกับที่เดนิสถ่ายทอดไว้อย่างงดงาม”

“Prophecy” เกิดขึ้นเมื่อ 10,000 ปีก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์ “Dune: Part 1” และ “Dune: Part 2” ของวีลเนิฟว์ ซึ่งอ้างอิงจากนวนิยายชื่อดังในปี 1965 ของแฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต โดยเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของ เบเนเจสเซริต กลุ่มสตรีทรงพลังที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อใช้ความสามารถพิเศษทางจิตใจและร่างกาย

ซีรีส์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือไตรภาค “Schools of Dune” เขียนโดยเควิน เจ. แอนเดอร์สัน และไบรอัน เฮอร์เบิร์ต ลูกชายของแฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต “Prophecy” ติดตามชีวิตของสองพี่น้อง วัลยา และ ทูลา ฮาร์คอนเนน ที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังที่คุกคามอนาคตของมนุษยชาติ และสร้างสำนักในตำนานที่ต่อมาจะรู้จักในนาม เบเนเจสเซริต

ดวงดาวที่ปรากฏในซีรีส์รวมถึง ดาวซาลูซาซีคันดัส ซึ่งเคยถูกนำเสนอในภาพยนตร์ของวีลเนิฟว์ว่าเป็นดาวคุก แต่ใน “Prophecy” จะถูกแสดงให้เห็นว่าเคยเป็นดาวศูนย์กลางของจักรวรรดิ

นอกจากนี้ ซีรีส์ยังแนะนำดาวอื่น ๆ เช่น วอลลาช ไอซ์ ซึ่งเป็นฐานของสำนักที่วัลยา (นำแสดงโดย เอมิลี วัตสัน) และทูลา (นำแสดงโดย โอลิเวีย วิลเลียมส์) และแลงกิเวล ดาวน้ำแข็งที่ฮาร์คอนเนนถูกเนรเทศไปในช่วงเวลานี้ของประวัติศาสตร์

แม้จะเน้นความสมจริงและยิ่งใหญ่ในเชิงภาพ แต่ทีมงานยังให้ความสำคัญกับการสร้างตัวละครที่เข้าถึงง่าย เพื่อให้ผู้ชมใหม่สามารถเข้าสู่แฟรนไชส์ “Dune” ได้โดยไม่ต้องเคยอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์มาก่อน

“นี่เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจอย่างมาก” ชัปเกอร์กล่าว พร้อมยืนยันว่าซีรีส์สามารถสนุกได้โดยไม่ต้องอาศัยความรู้พื้นฐาน

อย่างไรก็ตาม “Prophecy” มุ่งเน้นไปที่ผู้ชมวัยผู้ใหญ่ด้วยเนื้อหาบางส่วนที่ลึกซึ้งมากขึ้น เช่น การนำเสนอด้านความสัมพันธ์และความเป็นมนุษย์สามมิติของตัวละคร รวมถึงความสัมพันธ์ทางเพศในแบบที่มีความลุ่มลึก

“ฉันรักที่เราได้ทำไซไฟที่โตเป็นผู้ใหญ่” ชัปเกอร์กล่าว “มันสนุกมากที่ได้ให้ตัวละครแสดงความเป็นมนุษย์ในทุกแง่มุม รวมถึงด้านที่อาจจัดว่า ‘เผ็ดร้อน’ (สไปซ์) ด้วย”

คำว่า “สไปซ์” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเครื่องเทศอันเป็นทรัพยากรสำคัญที่เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล “Dune”

ตอนแรกของ “Dune: Prophecy” ออกอากาศในประเทศไทยแล้วทาง Max สตรีมมิ่งระดับโลก มื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน

‘Dune: Prophecy’ will launch viewers into worlds far beyond Arrakis, says executive producer

The already expansive “Dune” universe is about to get even bigger.

In Max’s six-part prequel series “Dune: Prophecy,” premiering Sunday, the story will stretch far beyond the vast Spice-infused deserts of the planet Arrakis that Timotheé Chalamet’s character Paul Atreides walked in the recent “Dune” movies directed by Denis Villeneuve.

“Prophecy” takes place in “totally different environments” and time periods, according to executive producer Alison Schapker, who told CNN in a recent interview that the show expands the “Dune” universe in a way that feels cohesive to both the Frank Herbert source material and the movies that came before it.

“‘Dune’ is a universe that people are attached to,” said Schapker, whose previous credits include leading the charge on shows like “Westworld,” “Lost” and “Alias.” “It exists in a world that matters to people and I think we wanted to respect that.”

Schapker’s team ultimately had “total freedom” when it came to setting up these new interstellar locales, but they worked hard to apply the same aesthetic standards set by the films so that it feels like the show “can exist in the universe that Denis so gorgeously put on the screen.”

“Prophecy” takes place 10,000 years before the events seen in Villeneuve’s “Dune: Part 1” and “Dune: Part 2” movies – which are based on Herbert’s famed 1965 novel of the same name – and tells the origin story of the Bene Gesserit, a powerful group of women trained to harness special abilities of the mind and body.

Inspired by the “Schools of Dune” book trilogy written by Kevin J. Anderson and Frank Herbert’s son Brian Herbert, “Prophecy” follows sisters Valya and Tula Harkonnen, who take on the “forces that threaten the future of humankind and establish the fabled sect that will become known as the Bene Gesserit,” according to an official synopsis.

One of the worlds featured in the series is Salusa Secundus, seen in Villeneuve’s films as a prison planet, but in “Prophecy” it’s presented as an imperial planet.

The series will also showcase worlds like Wallach IX, where the sisterhood that Valya (Emily Watson) and Tula (Olivia Williams) oversee has its institutional base, and Lankiveil, an icy and forbidding planet where the Harkonnens were banished to during this period in the story’s history.

While there was an emphasis on making these worlds feel as “real and gritty and epic” as possible in a visual sense, it was also important to ground the sprawling story and rich lore through the show’s characters to give “Dune” newcomers an easy entry into the franchise.

“That was a real conscious sort of tightrope walk we did,” said Schapker, who asserts that you can still enjoy the series without having read the books or seen the films.

That said, “Prophecy” serves more of an adult audience with some of its more intimate scenes. Being able to venture into this territory – without, of course, being gratuitous – was a joy for Schapker.

“I loved that we were allowed to be grown up sci-fi,” Schapker said. “It really was very fun to allow our characters to have three dimensional humanity to them, including their sexuality, and that the show can allow people to go and depict the spicier moments.”

Spicier, in this case, should not be confused with the much-contested and coveted substance at the center of the “Dune” lore.

The first episode of “Dune: Prophecy” premieres Sunday on Max. (Max and HBO, like CNN, are units of Warner Bros. Discovery.)

By Alli Rosenbloom, CNN