GLENFIDDICH ร่วมมือกับ ANDRÉ SARAVIA เปิดตัว GRAND CHÂTEAU พร้อมเนรมิตดินแดนแห่งศิลปะที่ ATT19 Gallery

แคมเปญปี 2024 นี้ผสมผสานสไตล์สุดไอคอนิกอันเป็นซิกเนเจอร์ของ André Saraiva เข้ากับการเปิดตัวที่เป็นเอกลักษณ์

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – Glenfiddich (เกลนฟิดดิค) ซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก* ได้ร่วมมือกับศิลปินชาวฝรั่งเศส อังเดร ซาไรวา (André Saraiva) เพื่อเปิดตัว Grand Château รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันตัวใหม่ล่าสุดจาก Glenfiddich Grand Series โดยอังเดร ซึ่งเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกพร้อมประสบการณ์ร่วมงานกับแบรนด์หรูสากลมากมาย ได้ร่วมงานกับ Glenfiddich เพื่อรังสรรค์โลกแห่ง Grand Château ขึ้นมา พร้อมร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันจำนวน 250 ชิ้น ตลอดจนภาพและดีไซน์แคมเปญที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสื่อให้เห็นถึงแรงบันดาลใจจากวิสกี้สุดพิเศษและการผสมผสานกันของสองวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว

อังเดร ซาไรวา เป็นที่ถูกยกย่องในวงกว้างในฐานะศิลปินที่บุกเบิกสไตล์แขนงใหม่ พร้อมปฏิวัติสตรีทอาร์ทด้วยการนำเสนอตัวละครการ์ตูนที่ร่าเริง สวมหมวกทรงสูงภายใต้ชื่อ ‘Mr. A’ ซึ่งถือเป็นตัวละครกราฟิตีตัวแรกที่จะมาแทนที่ชื่อแท็กแบบดั้งเดิม ด้วยชื่อเสียงของอังเดรซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในฐานะศิลปินสตรีทอาร์ตที่แอ็คทีฟที่สุดในปารีส ทำให้การร่วมมือกันครั้งนี้กับ Glenfiddich ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันยาวนานของ Glenfiddich ที่มีต่อศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับศิลปินที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว หรือเชิญชวนศิลปินหน้าใหม่มาสร้างสรรค์ผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโรงกลั่นของแบรนด์เองก็ดี

ทั้งนี้ Glenfiddich Grand Château เป็นวิสกี้ที่มีอายุ 31 ปี และเป็นรุ่นแรกจากโรงกลั่นที่ใช้ถังไวน์แดงบอร์โดซ์ในการบ่ม โดยวิสกี้รุ่นพิเศษนี้ ได้รับการบ่มในถังไม้โอ๊คอเมริกันเป็นเวลา 22 ปีก่อนที่จะถูกนำมาบ่มอีกครั้งในถังไวน์แดงบอร์โดซ์จากแหล่งปลูกไวน์ของฝรั่งเศสอีกเป็นเวลา 9 ปี

ในงานเฉลิมฉลองการเปิดตัว Grand Château ภายใต้ Glenfiddich Grand Series ในครั้งนี้ แขกผู้มีเกียรติได้ดื่มด่ำกับมื้ออาหาร 4 คอร์สที่รังสรรค์โดย เชฟเชอ พันธ์ทิพย์ อรรถการวงศ์ จากร้านอาหาร Mad Beef ที่ ATT19 อาร์ตสเปซยอดฮิตย่านเจริญกรุง โดยเมนูอาหารรสเลิศแต่ละจานได้ถูกจับคู่ให้เข้ากับซิงเกิลมอลต์วิสกี้ อาทิ ไฮไลท์ของงานอย่าง Grand Château รุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน 31 ปี รวมถึงเมนูอื่น ๆ ที่จับคู่อย่างลงตัวกับวิสกี้ Gran Reserva (21 ปี) Gran Cortes (22 ปี) และ Grande Couronne (26 ปี)

เริ่มต้นคอร์สแรกด้วย สลัดเป็ดรมควันน้ำผึ้ง ที่จับคู่อย่างประณีตกับ Gran Reserva (21 ปี) โดยคอร์สเรียกน้ำย่อยนี้ รังสรรค์จากเป็ดรมควันน้ำผึ้ง ผักสลัด หัวบีท และซอสส้มยูสุ ที่เมื่อทานพร้อมกันจะได้ความอร่อยที่ลงตัว

Gran Cortes (22 ปี) ถูกนำเสนอในคอร์สที่สอง โดยจับคู่กับหอยเชลล์ฮอกไกโด เซิร์ฟพร้อมเห็ดย่างซิงเกิลมอลต์และน้ำมันสมุนไพร

สำหรับดาวเด่นของค่ำคืน Grand Château (31 ปี) ได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่พร้อมอาหารจานหลัก อย่าง แก้มเนื้อตุ๋นในวิสกี้รีดักชั่น เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งบด สวีตพี และครัมเบิ้ลสมุนไพร

ปิดท้ายค่ำคืนด้วยด้วยความหอมหวานของ Chocolate’s Tales ไอศกรีมวานิลลา กล้วยคาราเมลครัมเบิ้ล กานาชดาร์กช็อกโกแลต มูสเบอร์รี่มอคค่า และเศษดาร์กช็อก ที่จับคู่กันได้อย่างลงตัวกับ Glenfiddich Grande Couronne (26 ปี)

อังเดร ซาไรวา ได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานความแตกต่างที่ลงตัวระหว่าง ภูมิภาคสเปย์ไซด์ในประเทศสกอตแลนด์ และ แคว้นบอร์โดซ์ในประเทศฝรั่งเศสในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเขา โดยเขาได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับงานศิลปะ Toile de Jouy แบบดั้งเดิมด้วยการนำเอาลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของเขามาใช้ รวมถึงตัวละคร ‘Mr. A’ อันโด่งดัง ซึ่งเข้ามาช่วยเติมสีสันพร้อมท่วงท่าที่กำลังเลือกวิสกี้ที่บ่มในถังไม้บอร์โดซ์อย่างสนุกสนาน ณ โรงกลั่นของ Glenfiddich เคสด้านนอกรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันนี้มีตัวละครตัว ‘Mr. A’ ซึ่งปรากฏในเมืองต่าง ๆ ตั้งแต่ปารีสไปจนถึงนิวยอร์ค ในขณะที่ด้านในบรรจุภัณฑ์นั้นมีภาพพิมพ์สีน้ำที่โดดเด่นเป็นซิกเนเจอร์ของ อังเดร ซาไรวา เมื่อพูดถึงความร่วมมือครั้งนี้ อังเดร เล่าว่า “เมื่อ Glenfiddich ทาบทามให้ผม (และ Mr. A) มารังสรรค์ผลงานร่วมกัน ผมรู้สึกว่าเป็นการจับคู่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว เนื่องจากผมมีความหลงไหลและชื่นชอบวิสกี้อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นผมจึงสามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์อันมหาศาลที่ผมมี ผนวกกับแรงบันดาลใจที่ผมได้รับจากประวัติศาสตร์ ผู้คน และสภาพแวดล้อมของประเทศสกอตแลนด์”

ยูริ พิลคาเนน (Jyri Pylkkänen) แบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Glenfiddich กล่าวว่า “การใช้ถังไวน์แดงบอร์โดซ์ทำให้ขั้นตอนการบ่มมีความซับซ้อนเป็นพิเศษ เพราะถังบอร์โดซ์นั้นขึ้นชื่อในเรื่องความอเนกประสงค์และคุณภาพที่เป็นเลิศ หลังจากผ่านการบ่มอย่างพิถีพิถันเป็นเวลาเก้าปีในถังดังกล่าว ผลผลิตที่ได้จึงแสดงให้เห็นถึงความมีเอกลักษณ์อันล้ำลึก โดยกรรมวิธีที่หายากนี้แนะนำองค์ประกอบที่น่าสนใจเข้ามาช่วยเสริมให้เอกลักษณ์เฉพาะของ Glenfiddich โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมมอบความสมดุลของกลิ่นโอ๊คที่เข้มข้นและวานิลลาอันบางเบา  ถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะยังไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและมูลค่าสะสมให้กับผู้ที่ชื่นชอบในงานฝีมืออันเป็นเลิศ”

Grand Château เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดใน Glenfiddich Grand Series ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ 4 รุ่นได้แก่ Grand Yozakura วิสกี้รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นอายุ 29 ปี ซึ่งเป็นซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้รุ่นแรกที่บรรจุในถังไม้โอวาโมริที่หายาก รวมถึงGrande Couronne สก็อตช์วิสกี้อายุ 26 ปีที่บ่มในถังไม้โอ๊คของอเมริกาและยุโรป และสิ้นสุดการบ่มในถังไม้คอนยัคฝรั่งเศสที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันนานถึง 2 ปี และ Grand Cru วิสกี้บ่ม 23 ปีในถังไม้โอ๊คของอเมริกาและยุโรป ที่จึงนำมากลั่นในถังไม้โอ๊ค French Cuvée และท้ายสุด Glenfiddich Gran Reserva วิสกี้ที่ผ่านการกลั่นอย่างประณีตมาเป็นเวลา 21 ปีในถังไม้โอ๊คของยุโรปและอเมริกา ก่อนจะนำมาบ่มครั้งสุดท้ายในถังเหล้ารัมแคริบเบียน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Glenfiddich Grand Château และข่าวสารอื่น ๆ โปรดติดตามที่ www.Glenfiddich.com หรือ @glenfiddichwhisky

#GlenfiddichGrandSeries # GrandChâteau #Glenfiddich