Van Cleef & Arpels – Perlée Novelties 2024

ประกายสว่างเรืองรองของลูกปัดทองกลมกลึงดุจไข่มุกจนกลายเป็นที่มาของชื่อ Perlée (แปรเล) เครื่องประดับสุดวิจิตรบรรจงด้วยความแยบคายในการจัดสัดส่วนร้อยเรียงวัสดุต่างชนิดให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว สำหรับผลงานคอลเลกชันใหม่ อันประกอบไปด้วยกำไล, แหวน และต่างหู มอบความหลากหลายในการสวมสลับจับคู่จากการใช้ทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ และทองคำสีขาวรองรับระยับแสงพรายพราวของสกาวเพชรน้ำงาม ซึ่งผ่านการคัดสรร และฝังขึ้นตัวเรือนในตำแหน่งรับวิถีแสง ให้แต่งเติมความหรูหราประดับผิว สะท้อนถึงรสนิยม และทักษะความชำนาญเหนือชั้นของ Van Cleef & Arpels

นาฏกรรมลูกปัดทองล้อเพชร

ประกายระยิบระยับสลับเรียง

กำไลข้อมือลูกปัด 5 แถว Perlée diamonds อวดความเลอค่าของลูกปัดทองเรียงร้อยรอบข้อมือโดยอาศัยงานออกแบบอสมมาตรสไตล์เดียวกันกับแหวนลูกปัด 5 แถวรุ่นก่อน

ณ จุดบรรจบระหว่างรูปทรงกับสัณฐานสัดส่วนรับแสงตกกระทบ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ หรือทองคำสีขาว ต่างรองรับงานฝังเพชรเรียงแถบแนวทแยงสะกดสายตาด้วยลูกเล่นคั่นสลับต่างจำนวน นั่นก็คือสอง, ห้า และสาม ทวีประกายพรายระยับจากการใช้ตัวเรือนโลหะเลอค่าโครงสร้างเปิดโปร่งลายตาข่ายรวงผึ้ง อำนวยต่อการลำเลียงแสงส่องผ่านมวลรัตนชาติให้กระจายวิถีเจิดจ้าออกมารอบทิศทางพร่างรัศมีส่องสว่างทั่วชิ้นงาน

ในส่วนของงานออกแบบประดับพลอยสีเพื่อแสดงถึงความหลากหลาย และพรั่งพร้อมจากคอลเลกชันเครื่องประดับ Perlée ขณะที่ประกายโชติช่วงดั่งดวงอัคคีของทับทิมกลมกลืนกับทองคำสีกุหลาบโทนละมุน ไพลินน้ำเงินสด กับมรกตเขียวขจีกลับตัดเฉดกับทองคำสีเหลืองอย่างน่าตื่นตา

นอกจากการคัดเลือก, เทียบสี และจับคู่อัญมณีถึง 50 เม็ดให้มาร่วมกันทอประกายสุกสว่างพร่างพรายอยู่บนกำไลวงนี้ จะสะท้อนถึงรสนิยมชั้นเลิศของเมซงอันมีต่อรัตนชาติแล้ว ก็ยังแสดงให้ประจักษ์ถึงทักษะ ความชำนาญเหนือชั้นอย่างยากจะหาใดเสมอเหมือน

ลีลาเรขาคณิต

เอกลักษณ์ทางงานออกแบบแหวนคู่ไขว้ Perlée diamonds duo ring อาศัยลูกเล่นหักมุม พลิกความคาดหมาย อันสะท้อนถึงความเหนือชั้นในงานสร้างสรรค์ของ Van Cleef & Arpels ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ หรือทองคำสีขาว ล้วนสะกดสายตาด้วยงานประกอบคู่แหวนต่างรายละเอียดไขว้ทแยง

ในขณะที่แหวนวงในเป็นทองเกลี้ยงขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก ตัวแทนหนึ่งในเทคนิคหัตถศิลป์แบบฉบับ สัญลักษณ์ประจำเมซง แหวนวงนอกคือตัวเรือนฝังสอดเพชรลูกทรงกลมแถวเดี่ยวบนโครงสร้างเปิดโปร่ง อำนวยต่อการลำเลียงแสงเพิ่มระดับความสว่าง ขนาบข้างด้วยงานไข่มุกทองเดินขอบ

ก่อลีลาสะท้อนแสงตกกระทบสู่กัน ทอประกายระยิบระยับวับวาวไม่หยุดนิ่ง  คู่แหวนไขว้ซ้อนกันทั้งสองวง ต่างเดินขอบด้วยลูกปัดทองกลมกลึง ทอประกายสุกสกาวเติมความงามสง่ายามประดับบนเรียวนิ้ว หรือสวมใส่ร่วมกับผลงานการออกแบบต่างสไตล์ในคอลเลกชัน อย่าง Perlée signature แหวนสลักอักษรตัวเขียนอันอ่อนช้อย, Perlée pearls แหวนลูกปัดทองล้วนแถวเดี่ยว หรือ Perlée clovers เจ้าของเรือนแหวนประดับโมทิฟใบโคลเวอร์ฝังเพชรท่ามกลางงานเดินขอบลูกปัดทองคู่ขนาน

ร้อยวงแสงทอรัศมี

สมการระหว่างแสง, การเคลื่อนไหว และความเบาของน้ำหนักองค์ประกอบ นำมาซึ่งต่างหูห่วง Perlée diamonds จรัสประกายสุกใสของวงแหวนเพชรน้ำท่ามกลางประกายเงางามของห่วงลูกปัดทองขนาบข้างโดยอาศัยลูกเล่นอสมมาตรเชิงขนาดในการออกแบบสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ หรือทองคำขาว ตัวเรือนเรียงซ้อนดุจวงรัศมีล้วนแกว่งไกวไปมาอยู่ใต้แป้นทรงโดมฝังเพชรล้วนล้อมลูกปัดทองในเฉดโทนที่กลมกลืน

เพื่อแสดงถึงธรรมเนียมนิยมต่อความเป็นเลิศของเมซง เพชรน้ำแต่ละเม็ดล้วนผ่านการคัดเลือกตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัดก่อนนำมาฝังขึ้นตัวเรือนด้วยความชำนาญเหนือชั้น เรียงแถวเดี่ยวแนวโค้งก่อวงรัศมีสุกสกาวท่ามกลางแถวลูกปัดทองขนาบข้างมอบการสะท้อนแสงเร่งประกายสุกสว่างประดับผิววงหน้าอย่างงดงาม

ในขณะที่ลูกเล่นเพิ่มขนาดไล่ระดับเรียงแถวของเพชรลูกทรงกลม และลูกปัดทองตามแนวโค้งโครงวงแหวนก่อความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหววนเวียนอย่างต่อเนื่อง กลไกห่วงยึดปลอกวงแหวนลูกปัดทองสามแถวไล่ระดับขนาด ซึ่งทิ้งตัวลงมาจากแป้นต่างหู ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับโอบกระหวัดรัดร้อยห่วงต่างหูอย่างมั่นคง กระนั้นกลับอำนวยต่อการแกว่งไกวไปตามอากัปผู้สวมใส่ ให้การเล่นแสงทอรัศมีระยิบระยับจรัสประกายไม่หยุดนิ่ง

ไหวพริบในการพลิกแพลงเทคนิคเครื่องประดับเล่นแสง

นับจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1906 ณ จัตุรัสว็องโดมกลางมหานครปารีส Van Cleef & Arpels ธำรงการสืบสานหัตถศิลป์เครื่องประดับอัญมณีตามธรรมเนียมดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการพัฒนาความสมบูรณ์แบบ และพัฒนาลูกเล่นใหม่ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง อันเป็นผลจากการใช้ไหวพริบพลิกแพลงทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ นำมาซึ่งผลงานสร้างสรรค์อันทรงเอกลักษณ์ ตัวแทนความเป็นเลิศของเมซงหลายต่อหลายคอลเลกชัน และหนึ่งในนั้นก็คือ Perlée บทสะท้อนรสนิยมอันมีต่อคุณลักษณ์รัตนชาติของเมซง ที่ผ่านการบ่มเพาะ และเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญทางการคัดสรรมาอย่างต่อเนื่องกว่าหนึ่งร้อยปี เพื่อเร่งความเข้มแสง เพิ่มระดับความสว่าง สะท้อนรายละเอียดคมชัดของชิ้นงาน เพชรที่ใช้ล้วนต้องผ่านการคัดสรรให้ตรงตามมาตรฐานคุณภาพอย่างเคร่งครัดเท่านั้น นั่นก็คือ D ถึง F ในแง่ของสี และ IF ถึง VVS ในประเด็นของความหมดจด กระจ่างใสของน้ำเพชร ส่วนไพลิน, ทับทิม และมรกต นักอัญมณีวิทยาผู้เชี่ยวชาญ จะทำการตรวจสอบเนื้อสีของรัตนชาติ, ความงดงามของน้ำพลอย, น้ำหนัก, เหลี่ยมมุม และหน้าตัดเจียระไน ตลอดจนความงามสง่าทางรูปทรง จากนั้น ขั้นตอนของการเทียบสี จับคู่ก็ถูกดำเนินขึ้นอย่างละเอียด พิถีพิถัน เพื่อมอบความกลมกลืน สม่ำเสมอตลอดชิ้นงานดังจะเห็นได้จากงานสร้างสรรค์กำไลข้อมือลูกปัด 5 แถว Perlée diamonds ซึ่งรองรับงานฝังอัญมณีถึง 50 เม็ด

ในการเตรียมโลหะเลอค่าระหว่างขึ้นตัวเรือนรองรับงานฝังอัญมณี ช่างโลหะตัวเรือนจะตกแต่ง และเก็บงานในทุกราย

ละเอียดของโครงสร้างเปิดโปร่งเพื่ออำนวยให้แสงส่องผ่านรัตนชาติแต่ละเม็ด ก่อผลลัพธ์เร่งระดับแสง เพิ่มความสว่าง จากนั้น ด้วยความประณีต แม่นยำ และพิถีพิถันระดับสูงอันจำเป็นต่อขั้นตอนของการจัดตำแหน่ง สอดอัญมณีลงระหว่างเขี้ยวหนามเตยของวงกำไลอย่างวิจิตรบรรจง ก็สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการใช้ไหวพริบ พลิกแพลงทักษะ ความชำนาญทางงานสร้างสรรค์ของ Van Cleef & Arpels ได้อย่างชัดเจน ท้ายที่สุด ด้วยเทคนิคขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก หนึ่งในสัญลักษณ์แสดงไหวพริบทางการพลิกแพลงความชำนาญเฉพาะด้านของเมซงมานับแต่ทศวรรษ 1920 ลูกปัดทองกลมกลึงแต่ละเม็ด และทุกเม็ด จะร่วมกันทอประกายเงางามละมุนตา ต้องแสงตกกระทบ ก่อลีลาสะท้อนรัศมีเรืองรองไปตามอากัปการเคลื่อนไหว และเพื่อสืบสานขนบนิยมของ Van Cleef & Arpels อันมีต่อความพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด กระบวนการขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก จะถูกดำเนินขึ้นทั้งด้านหน้า และด้านหลังของชิ้นงานเครื่องประดับ เพื่อความมั่นใจในคุณภาพการรับแสงตกกระทบรอบทิศทาง ก่อวิถีสะท้อนกลับให้กระจายตัวรอบทิศทาง พร่างประกายเรืองรองงดงามภายใต้ทุกสภาวะแสง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกปัดทองคำ…

สัณฐานกลมกลึงดุจไข่มุกเม็ดงาม ครองตำแหน่งหนึ่งในโมทิฟอันทรงแบบฉบับของ Van  Cleef  &  Arpels สำหรับใช้เป็นรายละเอียดตกแต่งเครื่องประดับ กับนาฬิกาข้อมือของเมซงหลายต่อหลายรุ่นมานับตั้งแต่ทศวรรษ 1920 นอกจากนั้น ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะองค์ประกอบหลักของเครื่องประดับ Couscous (คูส์คูส์: เครื่องประดับอันเกิดจากการร้อยลูกปัดมุกทองขึ้นโครงสร้างตัวเรือน) และ Bagatelle (บากาแต็ลล์: คอลเลกชันเครื่องประดับสลับลายดอกไม้ถ่ายทอดความงามแห่งรุกขชาติจากสวนบากาแต็ลล์ชานเมืองปารีส) ในปีค.ศ. 1948 อีกทั้งยังใช้เติมเสน่ห์ตรึงสายตาให้แก่บรรดาเข็มกลัดรูปสัตว์ที่แสนน่ารักในคอลเลกชัน la Boutique อันถือเป็นผลงานยอดนิยมระหว่างทศวรรษ 1960 และต่อเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน ตั้งแต่ถูกนำมาใช้เดินขอบเน้นทรวดทรงอ่อนช้อยให้แก่แผ่นโมทิฟรูปทรงใบโคลเวอร์สี่แฉก อีกหนึ่งสัญลักษณ์ทางงานออกแบบของเมซงในการสรรค์สร้างเครื่องประดับ Alhambra รุ่นแรกเมื่อปีค.ศ. 1968 ไข่มุกทองกลมกลึงก็ดำรงตำแหน่งตัวแทนความเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels ด้วยคุณสมบัติอันอำนวยต่อการพลิกแพลง และดัดแปลงใช้งานแต่งเติมรายละเอียดแห่งความวิจิตรบรรจง อยู่เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัย

เพื่อสะท้อนถึงความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ และปรารถนาที่จะสืบสานมรดกทรงค่าของเมซง งานออกแบบเครื่องประดับ Perlée คอลเลกชันใหม่ อาศัยแรงบันดาลใจในแต่ละองค์ประกอบมาจากบรรดาผลงานระดับตำนาน อย่าง Tartelette (ตารต์แล็ตต์) เครื่องประดับทรงขนมทาร์ต ซึ่งใช้ลูกปัดทองจำลองรายละเอียดสถาปัตยกรรมริ้วลายคิ้วนูนต่ำประดับมุมเพดานผนัง หรือบัวหัวเสามาเดินขอบเสมือน “กระทงทาร์ต” ล้อมกรอบรับวิถีแสงตกกระทบสะท้อนสู่หัวแหวนทรงโดมรองรับการฝังเพชรลูกต่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเรียงแถวจิกไข่ปลา ก่อประกายระยิบระยับเรืองรองสะกดสายตา หรือบรรดาเครื่องประดับระหว่างทศวรรษ 1980 ซึ่งโดดเด่นด้วยสัดส่วนอสมมาตรทางรูปทรงเรขาคณิต และลูกเล่นศิลปะนามธรรมดังปรากฏในงานออกแบบแหวน “กาโรลีน” (Caroline) เจ้าของตัวเรือนประกอบลูกปัดทองรองรับงานฝังอัญมณีตัดเฉดเป็นริ้วสีพาดทแยงแนวขวาง

 

 

Van Cleef & Arpels – Perlée Novelties 2024

Golden beads illuminate the new Perlée creations in an exquisite harmony. Bracelets, rings, and earrings are adorned with the radiance of yellow, rose, or white gold and the shimmer of diamonds. Masterfully chosen and set, the gems create intense plays of light against the skin, reflecting the taste and expertise of Van Cleef & Arpels.

A dance of golden beads and diamonds 

Shimmering interplays of lines

The Perlée diamonds 5-row bracelet sees the golden beads dance around the wrist in an asymmetric composition. This dynamic aesthetic, which already graces the rings, has pride of place on this new piece in yellow, rose, or white gold. The dazzling golden beads become one with the diamonds arranged harmoniously in a series of diagonal bands. Consisting of two, three, or five rows, they bring the creation to life with interplays of shapes and light. The gemstones are highlighted through openwork on the precious metal, with honeycomb-shaped apertures that allow light to travel through the stones and enhance the shine of the overall piece.

Colored precious stones also adorn this new creation, expressing the wealth of materials within the Perlée collection. The fiery red of ruby meets the softness of rose gold, while the hues of sapphires and emeralds combine with the radiance of yellow gold. The selection and matching of the 50 stones that illuminate this bracelet reflect the taste of the Maison for gemstones as well as its expertise.

A joyful geometry

Reflecting  the  creativity  of Van Cleef & Arpels, the Perlée diamonds duo ring presents a unique and surprising aesthetic. In yellow, rose, or white gold, it showcases the meeting between two rings: one in mirror-polished gold, one of the Maison’s signature savoir-faire; the other set with round diamonds that shimmer on the hand thanks to a carefully openworked structure. The gems are held in place by delicate grains, whose round form echoes that of the golden beads.

Both bands are edged with a beaded border and combine to form a dazzling  composition  that  lends  itself  to  endless  elegant  pairings: it can dialog with the delicate calligraphy of the Perlée signature ring, the harmonious curves of the Perlée pearls of gold pieces, or the diamond motifs adorning the Perlée clovers creations.

Halos of light 

Striking a balance between radiance, movement, and lightness, the Perlée diamonds earrings showcase the stones in a generously proportioned composition. The jewelry creation, in yellow, rose, or white gold, reveals round and voluminous proportions with a dome paved entirely with diamonds and paired with a similarly gem-set ring.

Conveying the Maison’s tradition of excellence, the diamonds are selected according to the strictest criteria and are then skillfully set. They shine as one on the earrings, forming a halo of light on either side of the face. The entire piece is bordered with golden beads, enhancing its radiance. The diamonds and golden beads increase in size around the band to give the overall piece a dynamic feel. This is accentuated further still by the jump ring, developed to secure the band while adding suppleness and flexibility. As a result, the earrings come to life with every movement, their plays of light reflecting against the face.

Savoir-faire at the service of brilliance 

Van Cleef & Arpels, founded in 1906 at Place Vendôme in Paris, deploys all its jewelry expertise to bring the Perlée creations to life. They reflect the Maison’s taste in gemstones, developed over more than a hundred years of savoir-faire. To add to the brilliance and intensity of the pieces, only stones meeting the strictest criteria are selected: D to F in color, and IF to VVS in clarity. For the sapphires, rubies, and emeralds, expert gemologists intently study the color of the stone, the beauty of the material, its weight, its cut, and the elegance of its shape. The gems have been meticulously matched, particularly on the Perlée couleurs 5-row bracelet, which presents 50 of them.

To prepare the precious metal for the stones, the jeweler crafts an openwork structure to enable light to pass through the stones and amplify their shine. The setting stage also requires care and precision, reflecting the excellence of Van Cleef & Arpels’ savoir-faire. On the bracelet, the gems are delicately held in place by prong settings. Lastly, mirror polishing – one of the Maison’s signature savoir-faire since the 1920s – reveals the full radiance of the creations. It leaves the golden beads soft and gleaming, allowing them to catch the light with every movement. Perpetuating Van Cleef & Arpels’ attention to detail, both the front and back of the creations are mirror-polished to ensure they always appear in the best light.

Once upon a time, there were golden beads

The golden bead, one of the Maison’s iconic motifs, has adorned Van Cleef & Arpels’ jewelry and watch creations as a decor effect since the 1920s. It was also incorporated as a centerpiece on the voluminous Couscous and Bagatelle pieces in 1948, and on the humorous clips from la boutique, particularly from the 1960s onwards. Since the first Alhambra creation in 1968, golden beads have bordered the Maison’s iconic clover-shaped motif and become established as a timeless and emblematic signature of Van Cleef & Arpels.

Reflecting  both  the  creativity and  heritage  of  the  Maison, the aesthetic of the new Perlée creations draws inspiration from patrimonial creations, such as the Tartelette pieces, where gadrooned settings surround diamond-paved domes to create the effect of golden beads. Later on, the 1980s saw the advent of geometric and abstract shapes, as found in the asymmetric aesthetic of the Caroline ring, which presents a diagonal diamond-set band on top of a beaded ring body.